อย่าให้ล้มเหลว

โดย ACT โพสเมื่อ Apr 26,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก มติชน - -

การปฏิรูปตำรวจเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ คสช.รับปากว่าจะดำเนินการ โดยล่าสุดแม้คณะกรรมการปฏิรูปชุดที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ได้สรุปแนวทางและร่างเป็นกฎหมายไว้แล้ว แต่ก็ยังมีหลายข้อที่จะต้องปรับปรุง โดยความเห็นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ก่อนหน้านี้ได้ให้ความเห็นว่าควรจะต้องแก้ไข ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ร่วมกับ พล.อ.บุญสร้าง เข้าร่วมประชุมเพื่อเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ตำรวจดังกล่าวอาจจะมีการยกร่างใหม่ แต่คาดว่าการปฏิรูปตำรวจจะมีข้อยุติ

ย้อนกลับไปช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวาย มีข้อเสนอที่โจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายประการ ประการหนึ่งที่มีการพูดกันอย่างกว้างขวางคือการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจที่มิชอบ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการหยิบยกกันขึ้นมาเพื่อปฏิรูปตำรวจ คือการทำให้ระบบของตำรวจปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานเกี่ยวกับสถิติคดีทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งประเทศ พบว่า ข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณา 5 อันดับ คือ อันดับที่ 1 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยทุจริตหรือโดยมิชอบ อันดับที่ 2 เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ อันดับที่ 3 เจ้าพนักงานใช้ตำแหน่งโดยทุจริต อันดับที่ 4 เจ้าพนักงานรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ และอันดับที่ 5 เรียก รับ หรือให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์หรือการใช้อิทธิพลเพื่อจูงใจหรือข่มขืนใจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำใด ส่วนบุคลากรในหน่วยงานที่ถูกฟ้องคดีอาญามากที่สุดยังคงเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองลงมาคือกระทรวงมหาดไทย ตามมาด้วยองค์การบริหารส่วนตำบล กระทรวงศึกษาธิการ และเทศบาล ตามลำดับ

จากข้อมูลที่ปรากฏ แสดงว่าการใช้อำนาจและการทุจริตยังอยู่ในอันดับต้นๆ ขณะที่ความต้องการปฏิรูปคือขจัดการใช้อำนาจที่ผิดและการทุจริตให้หมดไป ความสำเร็จหรือล้มเหลวของการปฏิรูปตำรวจจึงน่าจะเกี่ยวพันกับระบบที่สามารถช่วยให้การใช้อำนาจมิชอบ และการทุจริตลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หากผลจากการปฏิรูปออกมาว่าสามารถทำให้ปัญหาการทุจริตและการใช้อำนาจมิชอบลดลงได้ แสดงว่าการปฏิรูปบรรลุผล แต่ถ้ายังมีข้อกล่าวหาดังกล่าวอยู่ในอันดับต้นๆ โดยหน่วยงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ใน อันดับแรกๆ ก็พอประเมินได้ว่าการปฏิรูปที่ทำกันมานั้นล้มเหลว