ประเด็นร้อน
จุดกระแสต้านโกงให้ติด!
โดย ACT โพสเมื่อ Apr 03,2018
- - สำนักข่าวไทยโพสต์ - -
กระแสละครดังบุพเพสันนิวาสกำลังโหมกระหน่ำไปทั้งสังคมไทย และปลุกกระแสความเป็นไทยอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการนุ่งผ้าไทย แต่งกายชุดไทยเหมือนกับในละคร อย่างไรก็ตาม ควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพิ่มขึ้นหากสังคมไทยหันมาจริงจังและเกาะติด ตรวจสอบการทุจริตในประเทศ ให้เป็นกระแสไปทุกหย่อมหญ้า เหมือนติดตามละครเรื่องบุพเพสันนิวาส
โดยเฉพาะกรณีการฉ้อโกงเงินผู้ยากไร้ที่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ ในหลายๆ พื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หรือทั้งกรณีข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต 88 ล้าน รวมทั้งปัญหาโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม ที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 10 ปี แต่ยังไม่เสร็จสิ้น ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จนถูกตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากล และเร่งหาความจริงอยู่ในขณะนี้ ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
หรือในกรณีล่าสุด ที่สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้าน นั่นคือ ร่องรอยการทุจริตวัคซีนพิษสุนัขบ้า โดยเฉพาะในขณะนี้ชาวบ้านใน จ.พิจิตร กำลังเผชิญกับปัญหาในพื้นที่ โดยพบสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้าที่บริเวณหมู่ 3 บ้านเจ็ดหาบ ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นสุนัขจรจัด และขณะนี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิจิตร ยืนยันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า สุนัขตัวดังกล่าวเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
ที่สำคัญไปกว่านั้น และกำลังซ้ำเติมปัญหาให้กับชาวบ้านมากขึ้น เมื่อประชา ชนที่เลี้ยงหมาแมวต่างตื่นตัวพากันนำสัตว์เลี้ยงดังกล่าวมาลงทะเบียนตาม รพ.สต. และในจุดที่ให้บริการกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่า ขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในเขตจังหวัดพิจิตร เกิดภาวะวิกฤติ ขาดแคลน รวมถึงมีการขึ้นราคาจากที่เคยจัดซื้อในราคาหลอดละ 28 บาท ขึ้นราคาเป็นหลอดละ 40 บาท ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ที่มีหน้าที่และงบประมาณในการจัดซื้อไม่กล้าที่จะซื้อในราคาหลอดละ 40 บาท เนื่องจากเกรงว่าจะถูก สตง. หรือ ป.ป.ช. เพ่งเล็งว่าเป็นการทุจริต เพราะวัคซีนที่แพงขึ้นไปเกือบ 1 เท่าตัว จึงทำให้ส่งผลวิกฤติดังกล่าว
นี่คือปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ที่กำลังเผชิญปัญหารวมทั้งเรื่องหวาดกลัวการระบาดของพิษสุนัขบ้า พ่วงไปด้วยปัญหาการทุจริตวัคซีนในพื้นที่ กลายเป็นชาวบ้านต้องซวยซ้ำซวยซ้อน และจะมีหน่วยงานไหนให้ความมั่นใจ ความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้ ว่าปัญหาทั้งสองอย่างจะได้รับการแก้ไข หรือผ่อนเบา หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงได้ออกมาแสดงท่าทีให้ความมั่นใจให้พวกเขาได้เบาใจ
แต่อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตัวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เองก็กำลังถูกตั้งคำถามของปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปมประเด็นแหวนแม่นาฬกาเพื่อน ที่ยังอยู่ในความคลางแคลงใจของสังคม แม้จะมีการแถลงชี้แจงจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ช.ไปแล้ว แต่กระนั้นกรณีดังกล่าวกลับยิ่งเป็นคำถามต่อผู้มีอำนาจในคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพิ่มมากขึ้น เป็นศรย้อนกลับอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
และยิ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล่าสุดที่ระบุว่าเรื่องนาฬกาดังกล่าวจบแล้ว และจะไม่ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวอีก ยิ่งสร้างกระแสตีกลับในเรื่องการใช้อำนาจของ คสช. และการถูกตั้งคำถามถึงความสุจริตและความโปร่งใส ซึ่งเป็นสัญญาที่ คสช.ให้ไว้กับประชาชนคนไทย ในการเป็นเงื่อนไขของการเข้ามายึดอำนาจรัฐประหาร เพื่อลบล้าง กวาดล้าง ปมปัญหาการทุจริตในประเทศ
โดยสถานการณ์ขณะนี้กล่าวได้ว่า รัฐบาล คสช.และผู้มีอำนาจกำลังเดินสวนทางกับการทำงาน กวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศ และการสร้างมาตรฐาน บรรทัดฐานในการตรวจสอบ เปิดเผย โปร่งใส ที่แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ และต้องระวังว่ายิ่งปกปิดหรือถอยห่างกระบวนการถูกตรวจสอบจากสังคมเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มกระแสของการต่อต้าน กระพือโหม ขุดคุ้ย เสาะแสวงหาความจริงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์คงต้องตระหนักไว้ว่า ยิ่งกระทำการเหยียบย่ำน้ำใจประชาชน กวาดล้าง หรือใช้อำนาจ กำจัด แค่ฝ่ายการเมืองตรงกันข้าม ในข้อหาทุจริต ฉ้อโกง แต่ไม่สำรวจตรวจตราตัวเอง คนแวดล้อมใกล้ชิด ก็ต้องเตรียมตัวกับกระแสต่อต้าน โดยเฉพาะการเมินเฉยต่อการคอร์รัปชัน สองมาตรฐานในการตรวจสอบ ท้ายที่สุดกระแสไม่เอารัฐบาล ไม่เอาคนโกง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนจุดกระแสขึ้นมา หากเป็นแต่ คสช.และเหล่าเครือข่ายผู้มีอำนาจทำตัวเอง!.
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน