ประเด็นร้อน
ผ่าตัด พ.ร.บ.จัดซื้อฯ
โดย ACT โพสเมื่อ Mar 09,2018
- - สำนักข่าวเดลินิวส์ - -
คอลัมน์ หมายเหตุสีบานเย็น
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ออกมาแสดงความกังวลเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ในไตรมาสแรก 61 (ต.ค.-ธ.ค. 60) ว่าติดลบถึง 6%
ทั้งที่ไตรมาสแรกของปีงบฯ เม็ดเงินลงทุนของภาครัฐ ควรมีการเบิกจ่ายให้ได้ 30% แต่ตอนนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าเบิกจ่ายจริงเพียงแค่ 3% เท่านั้น
ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฉบับใหม่มีขั้นตอนเพิ่มขึ้น
ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณต้องล่าช้าออกไปซึ่งหากไม่เร่งแก้ไข จะส่งผลกระทบต่อการกระจายรายได้ การลงทุนของภาครัฐในท้องถิ่นหรือเศรษฐกิจฐานราก เพราะเม็ดเงินเข้าสู่ระบบล่าช้า
ที่สำคัญจะกระทบถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศ ที่ตั้งเป้าไว้ 3.8-4.5% เพราะรัฐบาลพยายามให้กำลังซื้อจากฐานรากเพิ่มขึ้น
ดังนั้น กรณี พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่ ส่งผลให้การเบิกจ่ายล่าช้ารัฐบาลต้องทำการผ่าตัดโดยเร็วเพื่อไม่ให้ขั้นตอนการใช้งบฯ สะดุดไปมากกว่า
และจะมีวิธีอะไรที่จะทำให้โปร่งใสด้วยเป็นเรื่องที่ผู้ปฏิบัติการเอง โดยเฉพาะข้าราชการรัฐวิสาหกิจต้องทำตามกฎหมายให้ถูกต้อง
แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อความล่าช้าในขั้นตอนและอาจช้ากว่าปกติจนงบที่ตั้งไว้อาจจะได้ใช้ช้าหรืออาจไม่ได้ใช้ต้องไปใช้ในปีถัดไป
ปัญหานี้เชื่อว่าหลายหน่วยงานเผชิญอยู่ และกำลังรอขั้นตอนของทางการว่าจะผ่าตัดในเรื่องนี้อย่างไร มาถึงตอนนี้งบประมาณผ่านมา 6 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้น
ภาคเอกชนเอง ก็หนักใจว่างบประมาณที่ตั้งไว้อาจใช้ไม่ทัน ตรงนี้รัฐบาลจะใช้วิธีใด ซึ่งจะต้องใช้ มาตรา 44 มาดำเนินการก็ต้องทำ เพราะเหลือเวลาแค่ 6 เดือนที่ปีงบประมาณปี 61 จะหมด
การลงพื้นที่ของนายกฯ บิ๊กตู่ คงจะพอรู้ว่าเศรษฐกิจของฐานรากเป็นเช่นไรและคงต้องมีการติดตามเรื่องการใช้งบประมาณด้วยว่าคืบหน้าอย่างไร
ผลกระทบตรงนี้ จะส่งผลต่ออัตราการเติบโตของประเทศโดยเฉพาะฐานรากเศรษฐกิจที่รัฐบาลหวังอย่างมากว่าจะเลิกจน จะไม่ได้ตามหรือไม่
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน