ประเด็นร้อน
คอร์รัปชัน จุดตาย คสช.
โดย ACT โพสเมื่อ Feb 20,2018
- - สำนักข่าวโพสต์ทูเดย์ - -
ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันยังคงเป็น "หอกข้างแคร่" คอยทิ่มแทงรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นอกจากจะไม่สามารถสะสางปัญหาที่หมักหมมยาวนานได้อย่าง ที่ตั้งใจ ถึงขั้นประกาศเป็น "วาระ แห่งชาติ" หลายครั้งยังพบเห็นคนใน คสช. ยังกลับไปพัวพันหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเงื่อนงำความ ไม่โปร่งใส
ล่าสุดข้อมูลจากหอการค้าไทยยังพบว่าดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย (ซีเอสไอ) ประจำเดือน ธ.ค. 2560 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52 ต่ำกว่าเดือน มิ.ย. 2560 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 53 โดยปรับลดลงทั้งดัชนีสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
แยกพิจารณาในรายละเอียด พบว่า ดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นมีความรุนแรงมากขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ 42 จากครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 44 ขณะที่ดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ระดับ 53 จากระดับ 54 มีเพียงดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 62
จากประมาณการของผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ด้วยตัวเองหรือจากคนรอบข้าง พบว่า มี 24% ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ (เงินใต้โต๊ะ) แก่ข้าราชการหรือนักการเมืองที่ทุจริต เพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย. 2560 ซึ่งจ่าย 18% นับว่าเป็นสัดส่วนสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2558
หากคำนวณตามเปอร์เซ็นต์เงินเพิ่มพิเศษที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายแก่ข้าราชการ หรือนักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้สัญญา เฉลี่ยอยู่ที่ 5-15% ทรงตัวจากช่วงที่ผ่านมา คือคิดเป็นเงิน 6.62 หมื่นล้าน-1.98 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 2.29-6.86% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด
ที่สำคัญ ความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง มองสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เนื่องจากกฎหมายเปิดโอกาสให้สามารถใช้ดุลยพินิจที่เอื้อต่อการทุจริต กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขัดแย้งกับความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาล คสช. ที่ส่งสัญญาณเอาจริงเอาจังกับเรื่องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากสังคม ด้วยเหตุผลที่เป็นต้นเหตุของปัญหาความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาและฉุดรั้งไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากลวันที่ 9 ธ.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชั่นว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นต้องเริ่มจากตนเองและครอบครัวก่อนขยายไปสู่สังคมในวงกว้าง
ก่อนจะกลายเป็นบูเมอแรงที่ย้อนกลับมาซ้ำเติมรัฐบาล คสช.อย่างรุนแรง เมื่อเกิดการขุดคุ้ยเงื่อนงำและที่มาที่ไปของนาฬิกาหรู 25 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
เมื่อนาฬิการาคาแพงทั้งหลายเหล่านี้ไม่เคยถูกยื่นในบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประวิตร โดยอยู่ระหว่างการ ตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าจะเข้าข่ายความผิด ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จหรือไม่
ปัญหาอยู่ที่ความคลุมเครือใน เวลานี้ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลง เมื่อ พล.อ.ประวิตรพยายามไม่ออกมาแจกแจงที่มาที่ไปของนาฬิกาต่อสาธารณชน แต่เลือกที่จะชี้แจงต่อ ป.ป.ช.เพียงอย่างเดียว จนส่อเค้าจะ ฉุดรั้งความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระให้ลดน้อยลง
รวมทั้งกระทบไปถึงความเชื่อมั่น ที่มีต่อ คสช .เมื่อมีสัญญาณปกป้อง จากบรรดาบิ๊ก คสช. มากกว่าจะพยายามสร้างบรรทัดฐานในเรื่องความโปร่งใสให้เป็นตัวอย่างกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
จากกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรลาออก ซึ่งมีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 8 หมื่นราย แต่ทาง พล.อ.ประวิตรยังยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไปโดยไม่ ลาออก ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ คสช.มากยิ่งขึ้น
หากย้อนกลับไปดูถึงที่มาที่ไปของการเข้ายึดอำนาจ คสช.หยิบยกเรื่องปัญหาทุจริตมาเป็นหนึ่งในข้ออ้างในการทำรัฐประหาร แต่ผ่านมาเกือบ 4 ปี ยังไม่มีรูปธรรมที่จับต้องได้
ยิ่งที่ผ่านมาคนในรัฐบาล คสช. ดูจะวนเวียนอยู่กับเงื่อนงำความไม่โปร่งใสหลายเรื่อง ทั้งกรณีไมโครโฟนราคาแพงที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งโครงการต้องพับไปเมื่อถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ต่อเนื่องมาจนถึงทริปฮาวายที่ พล.อ.ประวิตรเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ก.ย. -2 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ถึง 20 ล้านบาท
ก่อนจะมาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่ โตกับโครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณ เรื่อยมาจนถึงเรื่องโครงการขุดลอกคูคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.)
ล่าสุดเกิดประเด็นใหม่ เป็นการทุจริตเงินสงเคราะห์ศูนย์คุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง 6.9 ล้านบาท หลังการ ขยายผล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.) พบทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง กว่า 2 ล้านบาท ที่ จ.บึงกาฬ ซึ่งเตรียม ปูพรมตรวจพื้นที่เป้าหมาย 31 จังหวัดในพื้นที่งบเกินล้านบาท
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นวิบากกรรม ที่ฉุดความเชื่อมั่นของ คสช. และหากปัญหานี้ยังไม่ได้รับการคลี่คลายให้ดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น เรื่องนี้จะเป็นจุดตายของ คสช.ซึ่งมีอานุภาพรุนแรงมากกว่าปมปัญหาเรื่องเลื่อนเลือกตั้งหรือการยื้ออยู่ในอำนาจ
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน