ประเด็นร้อน
เด้งระนาวคนในพศ.เลื่อนตรวจสอบ
โดย ACT โพสเมื่อ Jul 06,2017
- - สำนักข่าว ไทยรัฐ วันที 6/07/60 - -
เลื่อนตรวจสอบ ‘เงินทอน’ วัดปากน้ำได้รับปีละ10ล้าน
“ผอ.พศ.” เซ็นคำสั่งโยกย้ายข้าราชการ พศ.ลอตใหญ่ อ้างเพื่อความเหมาะสม ส่วนที่ไม่ย้ายรอง ผอ.พศ.ที่มีชื่อเกี่ยวเรื่องเงินทอนวัด เพราะไม่มีตำแหน่งระดับเดียวกันรองรับ ทำได้แค่จำกัดงานบริหารไม่ให้เกี่ยวกับเรื่องงบฯ ส่วนเรื่องเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาอีก 1-2 วัน พศจ.จะเริ่มทยอยส่งข้อมูลมาให้ ด้านรอง ผบก.ปปป.เผย วัดปากน้ำฯ ขอเลื่อนตรวจเอกสารคดีเงินทอนวัดไม่มีกำหนด หลังขอเลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งจากเดือน มิ.ย. มาเป็น ก.ค. แจงต้องตรวจสอบเพราะได้งบปีละกว่า 10 ล้านบาท
กรณีกองบังคับการตำรวจปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เปิดยุทธการปราบโกงวัดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ ป.ป.ช.ไปแล้วชุดหนึ่ง และกำลังดำเนิน การขยายผลผู้เกี่ยวข้อง หลังตรวจพบเบื้องต้นพบว่า มีวัดที่ร่วมทุจริตจำนวนมาก สร้างความเสียหายแก่รัฐถึง 60.5 ล้านบาท คดีนี้พนักงานสอบสวน ปปป. เตรียมนำกฎหมายฟอกเงินมาดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลธรรมดา ขณะที่เรื่องเก่ายังตรวจสอบไม่เสร็จ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดประเด็นการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาทั่วประเทศขึ้นมาอีกตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ค. พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป.เผยว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 07.30 น. ตัวแทนวัด ปากน้ำ ภาษีเจริญ โทรศัพท์มาแจ้งกับ พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผกก.1 ปปป. หัวหน้าทีมตรวจสอบว่า ขอเลื่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเอกสารงบอุดหนุนจาก พศ.ของวัดอย่างไม่มีกำหนด ให้เหตุผลสั้นๆว่า ยังไม่พร้อม ก่อนหน้านี้วัดปากน้ำขอเลื่อนการตรวจจากเดือน มิ.ย.มาเป็นวันที่ 5 ก.ค. รอบหนึ่งแล้ว แม้เจ้าหน้าที่จะมีอำนาจตรวจสอบได้เลย แต่เนื่องจากวัดเป็นสถานที่สำคัญด้านจิตใจของประชาชนชาวไทย ตำรวจจึงต้องให้ความเคารพให้เกียรติสถานที่ จึงต้องประสานกับทางวัดก่อนเข้าไปตรวจสอบ
“การเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดปากน้ำครั้งนี้ เนื่องจากมีข้อมูลว่า วัดปากน้ำ ได้รับ งบประมาณจาก พศ.จำนวนมากถึงหลัก 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องตรวจสอบที่มาของเงินดังกล่าวก่อนว่ามาจากงบบูรณปฏิสังขรณ์ศูนย์ปฏิบัติธรรม หรืองบสนับสนุนเผยแพร่พระพุทธศาสนา และจัดทำโครงการของบประมาณถูกต้องหรือไม่ นำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์การของบหรือไม่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานรวมทั้งสอบสวนพยานภายในวัด จึงยังไม่สามารถสรุปว่าวัดปากน้ำมีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดหรือไม่” พ.ต.อ.วรายุทธกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผกก.1 ปปป.เผยว่า ฝ่ายกฎหมายวัดปากน้ำโทร.มาแจ้งขอไม่ให้เข้าไปตรวจ แจ้งว่าเอกสารหลักฐานยังไม่พร้อม หลังจากนี้จะต้องกำหนดวันเข้าตรวจอีกครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับ พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ธนกุล รอง ผบก.ปปป. ผู้บังคับบัญชาจะกำหนดให้ไปตรวจสอบวันไหน
ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ลงนามในคำสั่งโยกย้ายข้าราชการ พศ. ประกอบด้วยนายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปเป็นผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) สิงห์บุรี นางกณิกนันต์ ล้อสีทอง นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงานเลขานุการกรม ไปเป็น ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา น.ส.วาริกา นรคิม นักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา ไปเป็น นักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนสถาน น.ส.สุทธินันท์ ธงศรี นักวิชาการศาสนา พศจ.นครปฐม ไปเป็นนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา
นางรพีวรรณ บำรุง นักวิชาการศาสนา พศจ.นครปฐม ไปเป็นนักวิชาการศาสนา กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนา ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กองพุทธศาสนศึกษา ไปเป็นนักวิชาการศาสนา กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร นางหนึ่งฤทัย พูลลาภ นักวิชาการศาสนา กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ไปเป็นนักวิชาการศาสนา ผอ.กลุ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กองพุทธศาสนศึกษา นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการศาสนา กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไปเป็นนักวิชาการศาสนา พศจ.นครปฐม
พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า เป็นการย้ายตามความเหมาะสม เนื่องจากบุคคลใดที่เหมาะสมตนจะย้ายไปลงในจุดนั้น รวมทั้งจำเป็นต้องทำงานบางอย่าง เพราะงานที่จะทำคืองานปฏิรูปการศึกษาจำเป็นต้องย้าย ผอ.กองพุทธศาสนศึกษาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นดำเนินการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ในส่วนที่จะปฏิรูปการศึกษาตามที่ให้นโยบายไว้ ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีผู้บริหารระดับรอง ผอ.พศ.ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด เหตุใดจึงไม่โยกย้าย ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพุทธศาสนศึกษาและกองส่งเสริมงานเผยแผ่ฯยังไม่พบข้อมูลความผิดชัดเจนกลับถูกสั่งย้าย พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า กรณีผู้บริหารระดับรอง ผอ.พศ.จะให้ตนย้ายไปไว้ที่ไหน เพราะไม่มีที่จะลง ไม่มีตำแหน่งในระดับเดียวกันที่จะไปลง สิ่งที่ทำได้คือจำกัดการบริหารงาน ไม่ให้บริหารงานเรื่องงบฯ เน้นให้ทำงานด้านทั่วไปแทน ส่วนคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ พศ. ขณะนี้รายงานผลการตรวจระยะ 15 วันแรกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนการตรวจสอบเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ทราบว่า พศจ.กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ คาดว่าภายใน 1-2 วันจะทยอยรายงานมายัง พศ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโยกย้ายดังกล่าวเป็นตำแหน่งในกองต่างๆของ พศ. ที่ พ.ต.ท.พงศ์พรต้องการเข้าไปตรวจสอบงบฯอุดหนุน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การโยกย้ายครั้งนี้กลับย้าย น.ส.สุทธินันท์ ธงศรี ไปเป็นนักวิชาการศาสนา กองพุทธศาสนศึกษา เป็นกองที่ได้รับงบฯอุดหนุนจำนวนมาก และ พ.ต.ท.พงศ์พร กำลังตรวจสอบการใช้งบฯอยู่ ทั้งนี้ แม้ว่า น.ส.สุทธินันท์ จะสังกัดอยู่ที่ พศจ.นครปฐม แต่ถูก น.ส.ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ.ขอตัวไปช่วยราชการเป็นหน้าห้อง ทั้งยังเป็นผู้ติดตามตั้งแต่ น.ส.ประนอม มารับตำแหน่งรอง ผอ.พศ.ด้วย
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ เผยว่า วันพุธที่ 12 ก.ค.เวลา 15.00 น. ที่พุทธมณฑล ตนนัดหารือกับ พศ. จะนิมนต์พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระพรหมโมลี วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และพระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมหลายเรื่อง โดยเฉพาะการติดตามผลการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนา ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งให้ดำเนินการและรายงานผลทุก 3 เดือน อีกทั้งจะมีเรื่องสำคัญคือ การจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดพระ ครม.เห็นชอบ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ สั่งให้ไปทำเป็นโครงการเสนอขึ้นมาเพื่อของบประมาณ สิ่งที่ตนอยากเห็นคือ พระทุกรูปมีบัตรสมาร์ทการ์ดมีรายละเอียดของพระทั้งหมด เคยทำผิดมาบ้างหรือไม่ ส่วนตัวอยากให้สมาร์ทการ์ดพระเป็นรูปเป็นร่างโดยเร็ว นอกจากนี้จะพูดคุยถึงบัญชีรับ-จ่ายเงินของพระ ปัจจุบันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ข้อมูลมีความครบถ้วนหรือไม่เท่านั้น ทั้งนี้สั่งให้ พศ.ไปทำความเข้าใจแต่ ละวัดในเรื่องนี้ด้วย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวคิดเปลี่ยนบัตรประจำตัวพระสงฆ์ จากใบสุทธิพระเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดว่า ครม.รับทราบตามข้อเสนอมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต้องส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พศ.จะหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงมหาดไทยพร้อมตั้งงบประมาณ สำหรับบัตรสมาร์ทการ์ดสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆของพระสงฆ์ได้ดีกว่าใบสุทธิพระเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบเปรียญธรรม หรือกรณีที่สึกแล้วบวชใหม่ รวมถึงการหมดจากความเป็นพระในกรณีอื่นด้วย