ประเด็นร้อน
มท.จับมือป.ป.ช.-ป.ป.ท.-สตง. คุมเข้มงบกลุ่ม จว.7.5 หมื่นล้าน
โดย ACT โพสเมื่อ May 12,2017
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ห้องประชุม 1 กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ไปยังจังหวัดและกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) และนาย พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการติดตาม ตรวจสอบและสังเกตการณ์ การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณดำเนินการ ในพื้นที่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน 302 โครงการ วงเงินงบประมาณ 75,057.20 ล้านบาท
นายกฤษฎากล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มี 3 หน่วยได้มาร่วมชี้แจงถึงแนวทางการติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับสำหรับการดำเนินการในระดับพื้นที่ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการประชุมเพื่อวางระบบป้องกันการทุจริตในโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า โดยยึดหลักการ ตรวจสอบความโปร่งใส ในลักษณะเป็นการแนะนำและติดตาม มิใช่ลักษณะจับผิด ซึ่งจะไม่ทำให้งานหยุดชะงัก ไม่เพิ่มภาระงานให้กับหน่วยงานเกินความจำเป็น และเป็นการลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงานตรวจสอบซึ่งสอดคล้องกับข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการดำเนินการติดตามตรวจสอบโครงการ
นายกฤษฎากล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีการถอดบทเรียนจากผลการดำเนินงานของโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท มาเป็นแบบอย่างของการดำเนินงาน และมีเป้าหมายของการทำงานในลักษณะบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการตรวจสอบ โดยจะร่วมกันบูรณาการในการป้องกันการทุจริตแก้ปัญหาเชิงมาตรการ และสร้างกระแสการตรวจสอบและเฝ้าระวังของภาคประชาชน เพื่อลดการร้องเรียนการทุจริต รวมทั้งจะได้รับทราบข้อมูลเชิงประจักษ์ที่แท้จริงของคนทำงาน ว่ามีระเบียบกฎหมาย ปัญหา อุปสรรคคืออะไรบ้าง เพื่อที่จะได้มีการจัดทำเป็น ข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
นายกฤษฎากล่าวว่า นอกจากกระทรวงมหาดไทยยังได้ขอความร่วมมือภาคเอกชน ได้แก่ สภาวิศวกร สภาสถาปนิก สภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าไทย ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้และต่อต้านการจ่าย เงินใต้โต๊ะเพื่อขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ ภายใต้แนวคิดที่ว่า เมื่อไม่มีผู้ให้ ก็ไม่มีผู้รับ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการดำเนินโครงการทุกโครงการที่ได้รับงบประมาณ ขณะเดียวกันหากผู้ว่าราชการจังหวัดถูกบัตรสนเท่ห์หรือถูกร้องเรียนว่ามีการเรียกรับเงิน ก็ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญผู้รับจ้าง สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด สำนักงาน ป.ป.ท. เขตพื้นที่ และสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด มาพูดคุยกันต่อหน้า เพื่อสร้างความชัดเจนกันไปเลยว่ามีการเรียกรับ ผลประโยชน์กันหรือไม่ อย่างไร ไม่เช่นนั้นจะเสียหายต่อภาพลักษณ์ของสถาบันผู้ว่าราชการจังหวัด
"รัฐบาลให้ความสำคัญและได้ดำเนินการป้องกันการทุจริตในทุกๆ ด้าน มิให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้นในส่วนราชการ และเพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณของประเทศได้ถูกนำไปใช้พัฒนาประเทศชาติได้ตามเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน รวมถึงเป็นการแสดงถึงศักยภาพของผู้ว่าฯในการกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณในพื้นที่ ให้มีความถูกต้อง โปร่งใส และเกิดประโยชน์คุ้มค่า ดังนั้นจึงขอให้ ทุกฝ่ายทั้งส่วนราชการ จังหวัด หน่วยงานตรวจสอบ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมมือผนึกกำลังกัน สร้างพลังร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นทุก รูปแบบอย่างจริงจัง ให้บังเกิดผลและเป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อสร้างมิติใหม่ในการดำเนินโครงการที่ได้รับงบประมาณจะต้องปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกรูปแบบ และเกิดพลังร่วมกัน ไม่รับ ไม่ให้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวในการมีส่วนร่วมในการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นและประพฤติมิชอบในภาครัฐของทุกภาคส่วน" นายกฤษฎากล่าว
- -สำนักข่าว มติชน วันที่ 12 พฤษภาคม 2560 - -