สู่สังคมไม่ยอมรับคนโกง

โดย ACT โพสเมื่อ Jul 26,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ - -

ดูเหมือนว่าคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะแสดงความกระตือรือร้นในการปฏิบัติหน้าที่ยิ่งขึ้น เช่นผลักดันการออกกฎหมาย ป.ป.ช.ฉบับใหม่ กำหนดรอบการไต่สวน การมีความเห็น และการวินิจฉัยคดี ต้องไม่เกิน 2 ปี และจัดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อปลูกฝังค่านิยมเยาวชนไทยไม่ทนต่อการทุจริต ตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัย

ป.ป.ช.ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก เกี่ยวกับความล่าช้าในการไต่สวน และวินิจฉัยคดีการทุจริต องค์การต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นภาคเอกชน เร่งรัดให้สรุปสองคดีใหญ่ ได้แก่กรณีที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ถูกกล่าวหาเรื่องนาฬิกาหรู และอดีต ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง ที่ยอมรับว่ากู้เงินเพื่อน 300 ล้านบาท เพื่อนเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีค้ามนุษย์

การทุจริตคอร์รัปชันฝังรากลึกในสังคมไทย ผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อหลายปีก่อน ทุกครั้งจะพบว่ามีคนกว่า 70% ยอมรับรัฐบาลที่ทุจริตโกงกิน ขอแต่เพียงทำประโยชน์ให้ประเทศและประชาชน แต่ในระยะหลังๆต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจ โพลหลายครั้งพบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการทุจริต อาจเป็นผลการรณรงค์ขององค์กรภาครัฐและเอกชน

ผลโพลเมื่อหลายปีก่อน คนส่วนใหญ่ระบุว่า “นักการเมือง” เป็นตัวการการโกงตัวพ่อ เป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นการสมคบคิดของคน 3 กลุ่ม คือนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ แต่ในยุค คสช.ซึ่งเป็นรัฐบาลข้าราชการ ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ และปลอดจากนักการเมือง มีแต่ข้าราชการ แต่การทุจริตก็ยังรุ่งเรืองเฟื่องฟู

ตัวอย่างการทุจริตในยุคปัจจุบัน ได้แก่การโกงเงินค่าอาหารเด็กนักเรียน คดีทุจริตทุนการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลเลือกตั้ง แต่สืบทอดมาถึงรัฐบาล คสช. การทุจริตเงินทอนวัดซึ่งสั่นสะเทือนวงการคณะสงฆ์ มีพระเถระผู้ใหญ่รวมทั้งระดับกรรมการมหาเถรสมาคม ถูกจับสึกหลายรูป และการโกงเงินคนจนที่ลามทั่วประเทศ และสังเวยด้วยชีวิตอดีตปลัดกระทรวง

เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่าในแต่ละปี ภาครัฐต้องเสียหายจากการโกงกินกว่าแสนล้านบาท จากการจ่ายค่าหัวคิวของข้าราชการ และนักการเมือง แม้อัตราค่าหัวคิวในปัจจุบันจะลดลงไป ส่วนในยุครัฐบาลเลือกตั้ง มีการซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งก็คือการซื้อตำแหน่งหรือซื้ออำนาจ แม้แต่ในช่วงที่ปลอดนักการเมือง ก็มีข่าวเรื่องการดูดซื้อตัวอดีต ส.ส.เข้าพรรค

การจัดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เป็นการเดินที่ถูกทาง เป็นการปลูกฝังค่านิยมเยาวชนไทย ไม่ยอมรับคนโกงที่ร่ำรวย ยอมรับเฉพาะคนที่รวยมาด้วยความสามารถ และอุตสาหะวิริยะ ไม่ยอมรับผู้มีอำนาจ ถ้าได้อำนาจมาโดยไม่ถูกต้องและชอบธรรม ไม่เคารพนับถือผู้มีอำนาจแต่ขี้โกง ว่าเป็นผู้มีอำนาจบารมี และนำสังคมไทยไปสู่สังคมของผู้ไม่ยอมทนต่อการโกง