ประเด็นร้อน

AOT สมบัติชาติ ที่ต้องโปร่งใส

โดย ACT โพสเมื่อ Jun 05,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ - -

 

คอลัมน์ทัศนะจากผู้อ่าน : โดย ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมผู้ค้าปลีกไทย

 

ความฝันของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสวรรค์แห่งการชอปปิง ยังห่างไกลจากความเป็นจริง แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมหาศาลและสร้าง รายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับประเทศ แต่สนามบินสุวรรณภูมิกลับเทียบไม่ได้ กับสนามบินชั้นนำของประเทศอื่นในเอเชียด้วยกัน อย่างสนามบินอินชอน ในเกาหลีใต้ หรือสนามบินนาริตะ ของญี่ปุ่น

 

ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่คนไทยรอคอยให้รัฐประกาศให้ AOT เปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ การลงทุนที่ใช้เงินลงทุนมูลค่าหลายแสนล้านบาท เพื่อสร้างสนามบินที่น่าภูมิใจให้คนไทยไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สร้างรายได้กว่าปีละ 3 ล้านล้านบาท แต่ในความเป็นจริงเมื่อมีการจัดอันดับสนามบิน สุวรรณภูมิกลับได้คะแนนที่ต่ำกว่าสนามบิน อื่นๆ ในภูมิภาค เช่น สนามบินนานาชาติชางฮี ของสิงคโปร์ และสนามบินอินชอน ทั้งที่มีจำนวนผู้โดยสารต่อปีเท่าๆ กัน และประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของสัดส่วนการท่องเที่ยวต่อ GDP ที่ +9.4% เป็นอันดับที่ 5 ของโลก

 

ผลประกอบการของ AOT ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทยทั้ง 6 แห่ง โดยมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็น ท่าอากาศยานหลัก มีรายได้ต่ำกว่าสนามบินอินชอนของเกาหลี 2 เท่า หากเราดูรายได้ของ AOT เราก็จะเห็นกว่า 1 ใน 3 ของรายได้มาจาก รายได้จากสัมปทาน ซึ่งบริษัทที่ชนะการประมูล พื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง คือ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี จำกัด

 

หน้าที่ของ AOT คือการพัฒนาสนามบิน ซึ่งเป็นธุรกิจผูกขาด เพราะไม่เปิดให้เอกชนรายอื่นเข้าแข่งขันในการทำสนามบิน การท่าฯ จึงเป็นสมบัติของชาติไม่ใช่สมบัติของใคร กระทรวงการคลังซึ่งถือหุ้นอยู่ถึง 70% และเป็นหน่วยงานที่ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติ เป็นตัวตั้ง ควรกำกับดูแล AOT ในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และกำกับให้ AOT มีธรรมาภิบาล การที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชนะการประมูลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด เพราะทำตามกฎกติกา...

 

แต่คำถามที่กระทรวงการคลัง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสิทธิในการตัดสินใจทางธุรกิจควรจะตอบประชาชนให้ได้ว่า หากมีโอกาสในการพัฒนา AOT ที่เป็นสมบัติของชาติ โดยการเปลี่ยนรูปแบบ การสัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีตามกลุ่มสินค้าเพื่อประโยชน์สำหรับ AOT และผู้บริโภคนั้น ทำไมถึงไม่ทำ

 

เพราะทำให้ยอดขายสินค้าดิวตี้ฟรี เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ดึงให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยก็จะหันกลับมาใช้จ่ายสินค้าจากร้านดิวตี้ฟรีในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย นอกเหนือจากนี้ ทาง AOT ก็ควรที่จะบริหารจัดการสนามบิน ควรที่จะพัฒนาสนามบินโดยคำนึงถึง ผู้โดยสารทุกคนไม่ว่าจะมีรายได้ สภาพความเป็นอยู่ หรืออาชีพที่แตกต่าง อย่างไรก็ตามเพราะสนามบินนั้นเป็นสมบัติของชาติ ราคา ของสินค้าที่ขายก็ไม่ควรจะเอาเปรียบ ประชาชน โดยเฉพาะเครื่องดื่ม อาหาร หรือยารักษาโรค ที่ควรจะเข้าถึงผู้โดยสารในทุกชนชั้น 

 

อีกทั้งร้านค้าปลอดภาษีที่ควรจะมีแบรนด์ระดับกลางให้มากขึ้นเพื่อเข้าถึง คนที่มีกำลังซื้อไม่มาก ไม่ใช่มีแต่แบรนด์ระดับบนเหมือนในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว ถ้าเราสามารถหาระบบสัมปทานที่สามารถ หาผู้บริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ดีขึ้น แล้วทุกคนได้ประโยชน์ AOT ก็ควร ที่จะรับฟังความเห็นของประชาชนนำไปเป็นแนวทาง

 

ความฝันของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสวรรค์แห่งการ ชอปปิงคงไม่ไกลจากความเป็นจริง อีกทั้ง AOT ก็จะเป็นสมบัติชาติที่สร้างรายได้ ให้ประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สนามบินก้าวสู่อันดับ 1 ใน 5 ที่ใฝ่ฝันได้เพียงแค่เอื้อม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

#ร่วมเป็นพลเมืองตื่นรู้สู้โกง

#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 

Follow LINE: http://bit.ly/2luX9Dt
Follow Facebook: http://bit.ly/2z1Dxvw