Hot Topic!
ภาคประชาชนจับตา 23 พ.ค.มติ 'พาราควอต'
โดย ACT โพสเมื่อ May 23,2018
- - ขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก - -
เมื่อวันที 22 พฤษภาคม เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตรายร้ายแรง จัดแถลงข่าวเรื่อง ยุติผลประโยชน์ทับซ้อนเรียกหาความโปร่งใสของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่โรงแรมตรัง กรุงเทพฯ โดยนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี ระบุโดยตั้งข้อสังเกตว่า การศึกษาแบนสารพิษอันตรายร้ายแรงอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน จะเห็นได้จากคณะอนุกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมด 12 คน ที่ศึกษาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และจะนำรายงานฉบับ สมบูรณ์เสนอต่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ซึ่ง 4 คน แต่งตั้งจากผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีก 4 คน แต่งตั้งจากบุคคลใกล้ชิดที่แสดงจุดยืนให้มีการใช้เป็นระยะ รวมทั้งหมด 8 คน ขณะที่ ตัวแทนภาคประชาสังคมมีเพียง 1 คนเท่านั้น
"เมื่อศึกษาเสร็จต้องเปิดเผยรายงาน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นรายงานของพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ก่อนการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่ทราบคร่าวๆ ว่า มีการต่อสู้อย่างมากจากตัวแทนภาคประชาสังคม"
ผอ.มูลนิธิชีววิถี กล่าวต่อว่า ขณะที่ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ จะมีคณะกรรมการพิจารณาวัตถุอันตรายทั้งหมด 29 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่มี ผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน 3 คน ซึ่งไม่ควรอยู่ ในการพิจารณา คนที่ 1 คืออดีตข้าราชการกรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันเป็นผู้จัดการสมาคมอารักขาพืชไทย คนที่ 2 เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันทำงานให้ กับสมาคมอารักขาพืชไทย และคนสุดท้าย อ้างว่า ได้รับการแต่งตั้งในฐานะตัวแทนองค์กรสาธารณ ประโยชน์ แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายชื่อในวันนี้
"หากไม่แบนจะถือเป็นความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทั้งคณะ และแสดงว่า รัฐบาล คสช.ที่อ้างว่าเข้ามาบริหารเพื่อปฏิรูปประเทศกลับเห็นแก่ผลประโยชน์ของบรรษัทมากกว่าสุขภาพของประชาชน" นายวิฑูรย์ กล่าว
ด้าน ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กร ต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า องค์กร ต่อต้านคอร์รัปชันฯ ได้สำรวจความรู้สึกของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับปัญหาเกษตรกรรม 2 รอบ โดยรอบแรกพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่สนใจ 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ข้าว ยางพารา เกษตรพันธสัญญา ปุ๋ย และพาราควอต ขณะที่ รอบสอง พาราควอต เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 เพราะเป็นปัญหาคอร์รัปชั่น สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และต้องการให้จัดการเรื่องดังกล่าวให้จบสิ้นโดยเร็ว
"สิ่งที่ไม่เข้าใจเวลาเราพูดเรื่องคอร์รัปชั่น ปกติถ้ารัฐบาลชี้นกชี้ไม้แล้ว เรื่องจะจบในทิศทางนั้น แต่ลักษณะพาราควอต คือปี 2560 รัฐมนตรี 5 กระทรวง มีมติร่วมกัน 'แบน' แต่พอต้นปี 2561 รัฐมนตรี 3 กระทรวง มีมติร่วมกัน 'แบน' ซึ่งคิดว่าน่าจะจบแล้ว ไม่ควรจะมีอะไรอีกแล้ว" เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว และว่าหากเย็นวันนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลงาน 4 ปี แล้วระบุว่า เห็นด้วยในการแบนพาราควอต ถามว่าสุดท้ายแล้ว จะแบนสำเร็จหรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้นรัฐมนตรี 3 กระทรวง มีมติร่วมจะแบน แต่ยังแบนไม่สำเร็จ ฉะนั้นทำให้เราต้องติดตามหนักไปอีกว่า กำลังเกิดปัญหาอะไรขึ้นในระบบราชการไทย
"หากประเทศไทยเห็นแก่ประชาชนจริงๆ อะไรที่เป็นอันตรายกับประชาชน ควรหยุดไว้ก่อน จนกว่าผู้จำหน่ายจะพิสูจน์ได้ว่า สิ่งนั้นไม่เป็นอันตราย โดยเริ่มต้นจากพาราควอตเป็นอย่างแรก" ดร.มานะ กล่าวในที่สุด
#ร่วมเป็นพลเมืองตื่นรู้สู้โกง
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน