Hot Topic!
ป.ป.ช.จ่อสอบสีกากีซื้อเก้าอี้
โดย ACT โพสเมื่อ Jun 15,2017
- - สำนักข่าว คม ชัด ลึก วันที่ 15/06/60 - -
ตร.เรียงหน้าโต้เซ็งลี้เก้าอี้ "บิ๊กแป๊ะ" รับได้กลิ่น บช.ภ.8 ถูกร้องมาตลอด จึงสั่งเด้ง ป้อง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" แค่ใช้งานเช็กข้อมูลในทางลับ ฮึ่ม! ฟ้องหมิ่นทำสีกากีเสียหาย "ศานิตย์" ยัน บช.น.ไม่มีวิ่งเต้นซื้อตำแหน่ง "อลงกรณ์" แนะคุ้มครอง ตร.ที่ให้ข้อมูล ด้าน ป.ป.ช.เล็งชงบอร์ดตั้งกรรมการสอบ
วันที่ 14 มิถุนายน พล.ต.อ.จักรทิพย์ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบช.กมค. (ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. แถลงชี้แจงกรณี นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย ระบุว่ามีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ระดับสารวัตร (สว.) ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) วาระประจำปี 2559 โดยเฉพาะพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เคยได้ข่าวคราวเรื่องแบบนี้ในพื้นที่ บช.ภ.8 ว่ามีหนังสือร้องเรียนเข้ามา จึงออกคำสั่งให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พ้นจากตำแหน่ง ออกจากพื้นที่มาช่วยงานที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อเปิดโอกาสให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความโปร่งใส โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เข้าไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริง โดยให้เวลา 15 วัน และรายงานมาที่ตน หากมีมูลความจริงก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเชื่อว่า พล.ต.อ.ปัญญา คงเชิญ นายวิทยา ในฐานะผู้ออกมาพูดเรื่องนี้มาให้ข้อมูล มีหลักฐานอะไรก็ขอให้นำมาแสดง จะได้ ตรวจสอบและดำเนินคดีกับคนที่ทำผิด จับให้มั่นคั้นให้ตายตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรารภ และยินดีหากจะมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย
"ตอนนี้ พล.ต.ท.เทศายังไม่มีความผิด ผมเพียงสั่งให้ตรวจสอบจึงให้ออกพื้นที่ เพราะถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของพื้นที่นั้น ไม่จำเป็นต้องให้ระดับ ผบก.มาช่วยราชการ และคงไม่ต้องสั่งให้ ผบช.น.หรือ ผบช.หน่วยอื่นๆ มาช่วยราชการตามที่คุณวิทยากล่าวหา เพราะเป็นเพียงการกล่าวหา ผมได้สอบถาม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ไปแล้ว ก็ยืนยันว่าไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งใน นครบาลแน่ๆ ผมเชื่อในผู้ใต้บังคับบัญชา และก่อนหน้านี้ก็ไม่พบการร้องเรียน ซึ่งต่างจาก บช.ภ.8 ที่มีข่าวมาตลอดหลายยุค ถ้าให้ต้องย้ายทุกคนก็เหมือน ผบ.ตร.ที่แกว่งไปแกว่งมา ไม่มีหลักอะไร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับ พล.ต.ท.เทศา แต่จากนี้ต้องคุยกัน" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า การย้าย พล.ต.ท.เทศา ซึ่งสนิทสนมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เป็นการเอาคืน ผบ.ตร.กล่าวว่า เอาคืนเรื่องอะไร เอาเงินคืนหรือ จริงๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องเลย ใครก็ตามที่ถูกพาดพิง ไม่เฉพาะเรื่องนี้ แม้เรื่องบ่อน อบายมุข ตนก็สั่งมาช่วยราชการแบบนี้ หากปล่อยไว้เฉยๆ ไม่เอาออกมา ก็มาต่อว่า แล้วก็มีคำถามอีกว่า เหตุใดปล่อยไว้ ทำไมไม่ทำ เรื่องนี้ตนไม่มีความขัดแย้งอะไร แต่เมื่อมีการกล่าวหาก็ต้องตรวจสอบไปตามกระบวนการ สื่อมวลชนที่เสนอข่าว และตั้งคำถามก็ต้องเป็นกลางด้วย
"ผมไม่รู้ว่าคุณวิทยาออกมาพูดมีเหตุผลอะไร หรือพูดเอามันคะนองปาก คงต้องให้นครบาลและฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาว่า เข้าข่าย หมิ่นประมาทหรือเปล่า หากหมิ่นองค์กร หรือบุคคลใด ทำให้เสียหาย ก็ต้องดำเนินคดี อย่างกรณีนครบาล ไปว่าแบบนั้น ผมว่าเสียหายนะ ก็ต้องบอกให้ทางนครบาลไปดำเนินการด้วย ยืนยันว่า การแต่งตั้งผมทำคนเดียว ตามขั้นตอนกฎหมาย ตามคำสั่ง คสช. มีบางส่วนที่ยกเว้นหลักเกณฑ์ แต่ไม่ใช่ปัญหาเลย" ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงกรณีที่ถูกระบุว่า มีนายตำรวจยศ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.ว่า ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติตนใหญ่ที่สุด มีเพียง นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้นที่ใหญ่กว่าตน และที่มีการกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้อยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งก็ไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการระบุถึง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ว่าเข้ามามีอิทธิพลในการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.ตร.กล่าวว่า "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ก็คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. (191) ลูกน้องของตน ไม่มีอะไร ยอมรับว่าบางครั้งก็ใช้งานให้ไปตรวจสอบข้อมูลบุคคลบ้าง ให้ไปเช็กทางลับ จึงอาจถูกเข้าใจผิด ไม่ได้ เกี่ยวข้องในการทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย เพราะนั่นเป็นหน้าที่ตน หน้าที่ของ ผบก.191 คือไปช่วยงานสนับสนุนโรงพัก ไปช่วยจับ เด็กแว้น ปราบโจรออนไลน์ จับละเมิดสิทธิบัตร ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการแต่งตั้ง
ด้าน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า การแต่งตั้ง ครั้งนี้ ผบ.ตร.มีอำนาจลงนามเพียงผู้เดียว แต่ในกระบวนการแต่งตั้งนั้น ทำอย่างโปร่งใส ตามคำสั่ง คสช. ที่ 21/2559 และ 7/2560 ทุกตำแหน่งผ่านการพิจารณา โดยคณะกรรมการกลั่นกรอง ตั้งแต่ระดับ กองบังคับการ กองบัญชาการ จนถึงระดับตร. ที่มี ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และ จตช. ร่วมพิจารณา
ส่วน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งการให้สำนักงานกฎหมายและคดีไปพิจารณาว่า กรณีที่กล่าวหาเรื่องนี้ทำให้องค์กร ซึ่งเป็นนิติบุคคล เสียหายหรือไม่ จากนั้นจะพิจารณาดำเนินคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาทต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ไม่อยากพูดเอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้คนอื่น แต่ขอยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจนครบาลไม่มีการ วิ่งเต้น ยุคนี้ รองผู้กำกับการจะขึ้นผู้กำกับการยังไม่รู้ตัวมาก่อน ตนยึดคติแต่งตั้งคนดีไปทำงานให้ประชาชน ทองแท้ต้องไม่แพ้ไฟ คนดีไปอยู่ตำแหน่งไหนก็ทำงานได้ ขอยืนยันในความ ถูกต้อง บริสุทธิ์ และยุติธรรม
"ผมเป็นกัปตันเรือลำที่ชื่อนครบาล เป็นเรือแห่งความดี ขอให้ตำรวจช่วยกันพายไป และอยากให้ประชาชนยึดมั่นในภารกิจการทำความดีของตำรวจ เพราะตำรวจมีหน้าที่ทำให้ บ้านเมืองสงบ ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก ผมยอมรับอยากเป็น ผบช.น.ที่ดีที่สุดคนหนึ่ง และถ้าใครมาพูดว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เรื่องแต่งตั้งโยกย้าย ผมจะฟ้องให้ดู" พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
ป.ป.ช.ชี้ปชช.สนใจเล็งตั้งกก.สอบ
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจมาก ป.ป.ช.สามารถมอบหมายให้ชุดตรวจสอบลงไปหาข่าวเพื่อรวบรวมข้อมูลได้
"เรื่องดังกล่าวควรจะมีการตั้งคณะทำงานของสำนักงาน ป.ป.ช.ขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลในเชิงลับได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้ง ทั้งนี้ข้อมูลที่สื่อมวลชนได้นำเสนอถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบอย่างมาก หากได้ข้อมูลที่สงสัยได้ว่ามีผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจนก็สามารถสรุปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้" เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญนายวิทยามาให้ข้อมูลก่อน นายสรรเสริญ กล่าวว่า เชื่อว่าเมื่อเป็นข่าวที่สังคมสนใจ เช่นนี้ สำนักการข่าว ป.ป.ช.ก็สามารถสรุปข้อมูลเสนอที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยอาจยกเหตุอันควรสงสัยแล้วสามารถเชิญนายวิทยามาให้ข้อมูลได้ โดยถือเป็นการให้ข้อมูลประกอบการข่าว แม้ว่านายวิทยา หรือบุคคลอื่นใด ยังไม่ได้มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ก็ตาม
"อลงกรณ์"แนะคุ้มครองคนแฉ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงการปฏิรูปตำรวจว่า ขณะนี้คืบหน้าไปมาก แต่ยอมรับว่าปัญหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเป็นสิ่งที่บั่นทอนการปฏิรูปกิจการตำรวจ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจต้องยึดถือระบบคุณธรรมเป็นสำคัญ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า การที่นายวิทยาออกมาระบุว่าประเทศไทย พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ.นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงมาจัดการ สืบสวนสอบสวนอย่างเด็ดขาด ไม่ลูบหน้าปะจมูก เพราะหากปล่อยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง ตำรวจอาจจะหันหน้าเข้าหานายมากกว่าเข้าหาประชาชน และอาจจะแสวงหาเงินมาทุกวิถีทางเพื่อใช้ในการไต่เต้าตามตำแหน่ง ในขณะที่ตำรวจดีๆ มีความสามารถ ได้รับการประกาศเกียรติคุณถูกโยกย้ายไปที่อื่น ไม่ได้รับความเจริญก้าวหน้า
"การแต่งตั้งโยกย้ายจะต้องยึดหลักผลงาน ความดีเป็นสำคัญ คำว่าได้ดีเพราะพี่ให้ ไม่ควรจะมี ควรจะต้องเป็นคำว่าได้ดีเพราะผลงาน ได้ดีเพราะประชาชนให้" นายอลงกรณ์ กล่าว
รองประธานสปท.กล่าวต่อว่า การที่มี อดีตรัฐมนตรี หรือใครก็ตามมาแจ้งเบาะแสการซื้อขายตำแหน่ง ถือเป็นคุณูปการต่อการปฏิรูปตำรวจ แต่การที่ยังมีมะเร็งเนื้อร้ายในวงการตำรวจก็จะต้องมีการผ่าตัด ที่ผ่านมา สปท.ได้การตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูปกิจการตำรวจ และคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อติดตามปัญหานี้ เพราะไม่ต้องการให้แผนปฏิรูปเป็นเหมือนคัมภีร์ที่วางอยู่บนหิ้ง ซึ่งหากปฏิรูปกิจการตำรวจไม่ได้ก็จะทำให้ไม่มีความเชื่อถือต่อการปฏิรูปประเทศ ส่งผลให้การปฏิรูปล้มเหลวด้วย
"ผมเห็นว่าการจะแก้ปัญหาการซื้อขายตำแหน่งก็ควรสร้างระบบการคุ้มครองพยานเพื่อเอื้อให้ตำรวจชั้นผู้น้อยกล้าที่จะเข้ามาเปิดเผยความจริง เพราะการให้สินบนถือว่าผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ดังนั้นการกันเป็นพยานสำหรับตำรวจที่หลงผิดให้มาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตจึงถือว่ามีความเหมาะสม และหากประชาชนหรือตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากกลับใจมาแจ้งข้อมูล และเบาะแสให้ สปท.ได้ ผมพร้อมเป็นตัวกลางนำเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดต่อไป" นายอลงกรณ์ระบุ
ด้าน นายธานี อ่อนละเอียด เลขานุการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า กมธ.ไม่ได้หารือเรื่องนี้ เพราะไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา แต่การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ผบ.ตร.ถือว่ามีอำนาจสูงสุดในการพิจารณากลั่นกรอง เท่าที่ตนสัมผัสกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มาจากครอบครัวที่มั่นคง อบอุ่น มีฐานะ ไม่มีพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์ ดังนั้น เมื่อหัวไม่ส่ายหางคงไม่กล้ากระดิกที่จะแสวงหาผลประโยชน์ และจะทำไปเพื่ออะไร ขณะเดียวกันหลังบ้านของพล.ต.อ.จักรทิพย์ก็มีฐานะมั่นคง และไม่เคยได้ยินเรื่องบ้านเล็กบ้านน้อย ส่วนกรณีที่เป็นข่าวที่ออกมาว่ามีการใช้เงินวิ่งเต้นโยกย้ายนั้น อาจเป็นไปได้ว่ามาจากคนนอก ซึ่งมีอยู่ทุกวงการ