รายการ ACT Now
ACT Now EP.3 บทสรุปคดีเหมืองทองคำอัครา
โดย ACT โพสเมื่อ Nov 03,2020
ACT Now EP.3.1 บทสรุปคดีเหมืองทองคำอัครา
ปี พ.ศ. 2559
1 ปีก่อนที่รัฐบาลจะมีคำสั่งให้ยุติการดำเนินการสำนักงานตลาดหลักทรัพย์ของประเทศออสเตรเลียส่งข้อมูลมาให้ทางการไทยได้ทราบว่าเอกชนรายนี้มีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของไทยเพื่อให้ตัวเองได้สัมปทานได้สิทธิในการดำเนินการเหมืองเพราะฉะนั้นทาง ปปช.ก็จะต้องเริ่มสืบสวนและดำเนินคดีกับเอกชนที่เกี่ยวข้องหรือเส้นทางการเงินที่ติดค้างอยู่ที่ประเทศฮ่องกงและทราบว่าทาง ปปช. ได้ประสานงานกับทางผู้บริหารเกาะฮ่องกงคือทางการฮ่องกงและทางประเทศจีนอย่างเป็นทางการแล้วซึ่งถ้าข้อมูลตรงนี้เราได้มาก็จะเป็นข้อมูลสำคัญที่จะสามารถชี้ขาดแพ้ชนะคดีนี้ได้ ถึงวันนี้มีข้าราชการอดีตอธิบดีกรมเหมืองแร่และนักการเมืองที่เป็นอดีตรัฐมนตรีถูกสำนักงานปปช. ชี้มูลความผิดเรียบร้อยแล้วในการดำเนินคดีจะมี 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1ก็คือในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการที่ไปว่ากันที่ประเทศสิงคโปร์ ตรงนี้เราก็ยังไม่แน่ใจ ยังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควรว่าข้อมูลในการต่อสู้จะเป็นยังไง
เขาจะต้องนำคำตัดสินนั้นมาฟ้องบังคับคดีในประเทศไทยและต้องขึ้นศาลไทย ในขั้นตอนนี้ทางฝ่ายรัฐบาลอาจยกข้อโต้แย้งขึ้นมาได้ว่าเอกชนรายนี้ได้สัมปทาน ได้สัญญามาโดยไม่ชอบเพราะว่ามีการติดสินบนนักการเมืองและข้าราชการไทยด้วยเหตุนี้ศาลอาจจะไม่รับพิจารณาคดีของเขาเช่นเดียวกับที่เราเห็นแล้วในกรณีคดีคลองด่านและคดีทางด่วน บางนา-บางปะกงครับ
การทำเหมืองแร่ในบ้านเราเป็นเรื่องจำเป็น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหารายได้เข้าประเทศเอาทรัพย์ในดินสินในน้ำขุดขึ้นมาหารายได้ เอามาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ ในเรื่องของค่าภาคหลวงหรือเงินภาษีอะไรก็แล้วแต่ แต่เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการลงทุนด้วย เป็นการลงทุนจากเอกชนรายใหญ่จะเป็นคนไทยหรือเป็นเอกชนมีเทคโนโลยีที่สูงหน่อยโดยเฉพาะในเรื่องการทำเหมืองก็จะต้องเป็นนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามา ขณะเดียวกันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมในครั้งนี้ที่มีการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทเอกชนที่มีการฟ้องร้อง อันนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อีกอันหนึ่งก็คือเรื่องของความถูกต้องความโปร่งใส เนื่องจากในการทำเหมืองแร่ของประเทศไทยที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสทำให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นตามมามากมายสะท้อนออกมาที่กรณีเหมืองแร่อัคราในครั้งนี้
ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงเหมืองทองอัคราสิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึงพร้อมๆกันคือ
1 เรื่องของการหารายได้เข้าประเทศเอาทรัพย์ในดินสินในน้ำขึ้นมาใช้
2 ก็คือเรื่องของการลงทุนโดยเอกชนไทยหรือเอกชนต่างชาติที่มีเงินมากมีเทคโนโลยีในขั้นสูง
3 ก็คือในเรื่องของความถูกต้องเป็นธรรมกับสังคมไทยนั้นแปลว่าทุกอย่างจะต้องโปร่งใสไม่มีการคอร์รัปชัน
EITI หรือโครงการสร้างความโปร่งใสในการสกัดทรัพยากรธรรมชาติโครงการนี้เสนอผ่าน คตช. คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติและได้รับการอนุมัติ มีมติครม. ให้ใช้โครงการนี้แล้วในประเทศไทย
ทั่วโลกเวลาจะทำเหมืองแร่ ขุดดิน ขุดทราย หรือแม้กระทั่งการขุดเจาะน้ำมันที่เป็นปัญหาใหญ่มากของประเทศไทยมีความขัดแย้งสูงมากในประเทศไทยว่ามีใครโกงใครเอารัดเอาเปรียบ
หลักการคือจะต้องมีตัวแทน 3 ฝ่ายคือ
1 ฝ่ายรัฐบาล
2 ก็คือฝ่ายเอกชนพ่อค้านักลงทุน
3 จะต้องมีตัวแทนของภาคประชาชนที่สนใจศึกษาติดตามเรื่องเกี่ยวกับการขุดทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย
จะเป็นเรื่องน้ำมัน เรื่องหิน เรื่องทอง เรื่องแร่ดีบุก เรื่องควอตซ์ อะไรก็แล้วแต่อะไรก็แล้วแต่ คนเหล่านี้จะต้องมาเป็นคณะกรรมการร่วมกัน
มาตรฐานในการเปิดเผยข้อมูลอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นคุณทำเหมืองทองหรือขุดน้ำมัน ในแต่ละวันคุณมีกำลังการผลิตเท่าไร ผลิตได้จริงเท่าไร เมื่อผลิตขึ้นมาแล้วคุณลำเลียงไปไว้ที่ไหน อย่างไร ราคาตลาดโลกเป็นอย่างไร มีการเอาไปสกัดถ้าเป็นน้ำมันก็สกัดเป็นน้ำมันดิบหรือขนส่งไปขายที่ประเทศไหน ได้ราคาอย่างไร ส่งจ่ายเงินจ่ายทองให้กับภาครัฐอย่างไร เอกชนกำไรอย่างไร ถ้าเป็นกรณีแร่ทองก็คือว่าเมื่อขุดขึ้นมาแล้ สินแร่ตรงนี้พักที่ไหน ขนส่งไปขายประเทศไหน เมื่อไร จำนวนเท่าไร
ถ้าเรามีข้อมูลที่ละเอียดอย่างนี้ แปลว่าภาครัฐจะเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ได้อย่างตรงไปตรงมาครบถ้วน ประชาชนก็สามารถที่จะบอกกับรัฐและเอกชนได้โดยตรงผ่านเครื่องมือนี้ผ่านคณะกรรมการนี้ว่าสิ่งที่คุณทำมีอะไรไม่ถูกต้อง มีอะไรมากเกินไป มีอะไรที่คุณบกพร่องควรแก้ไขหรือยกเลิกเสีย ถ้าเรามีอย่างนี้ นี่คือพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนจะมาพูดคุยกันด้วยความจริงด้วยข้อมูลชุดเดียวกันไม่ต้องมีใครมาดูถูกคุณพูดมั่วคุณพูดโกหก ไม่ต้องมีใครมาระแวงกันว่าคุณกำลังหลอกลวงอะไรฉันอยู่หรือเปล่าและเราจะไม่ได้ยินเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง ความขัดแย้ง การฟ้องร้องดำเนินคดีกัน ด้วยมาตรการอย่างนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น เอกชนจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่า ทุกอย่างจะตรงไปตรงมาเปิดเผย ทุกคนมองเห็นข้าราชการนักการเมืองประชาชนมองเห็น จะลดแรงจูงใจของพวกขี้โกงทั้งหลายลงไปได้
ACT Now EP.3.2 จับตางบสี่แสนล้าน
- 4 แสนล้าน เศรษฐกิจไทยบ๊วยอาเซียน
- คาดว่าจะตกงานกว่า 7 ล้านคน
- จับตาเงินกู้ก้อนสุดท้าย
- หนี้ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
เราก็ได้ยินเขาพูดกันนะเห็นบอกว่าจะดูแลให้ดีจะไม่โกงหรอก ไม่มีการโกง จะมีการเปิดเผยแต่ยอมรับความจริงนะว่าประเทศไทยที่ผ่านมาหลายสิบปีทุกครั้งที่เกิดขึ้น บางโครงการอย่างโครงการรับจำนำข้าวเป็นการกินตั้งแต่ระดับนโยบายตั้งแต่ระดับสูงลงมาเลย กินกันเป็นทอดๆ เป็นก้อนใหญ่ลงไปแล้วก็ปล่อยให้มีการกินในระดับพื้น ที่เชิงเนิน เชิงเขา ชายป่า คือเป็นบริเวณที่ชาวบ้านเขาไม่ได้ใช้ประโยชน์ ประเภทที่เอาพันธุ์พืชไปแจกก็เป็นพันธุ์พืชไม่มีคุณภาพ เอาวัวไปก็เป็นวัวเป็นโรค พันธุ์ปลาที่ไม่มีคุณภาพ เราจะเห็นว่าโกงกันหลายแบบ เพราะฉะนั้นเงิน 4 แสนล้านจะโกงอย่างไร ถ้าเราไม่ระวังให้ดี โกงทุกอย่างที่พูดมา เหมือนอดีตที่โกงๆกัน
เมื่ออดีตผ่านมาคุมแบบนี้ เผยแพร่กันแค่นี้แค่นี้ ให้ชาวบ้านรับรู้แค่นี้ ยังโกงแบบไม่มีจบสิ้น ถ้าอนุมัติเงินมากกว่านี้มีความซับซ้อนเงินกระจายไปมากกว่านี้ คนเริ่มเผลออะไรจะเกิดขึ้น อย่าไปเชื่อว่าจะไม่มีการโกงเอาแค่ในช่วง โควิด ที่ชาวบ้านพวกเราเดือดร้อนกลัวจะเป็นจะตาย กลัวจะติดโรค เราก็เก็บตัวกัน ทำมาค้าขายก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็ล้างมือเดี๋ยวก็ล้างมือ จนมือเปื่อยมือเน่าไป
ปปช. เขาไปสำรวจมาในช่วงแค่ 2 เดือน
แค่เดือนเมษายนพฤษภาคม 2 เดือนมีข้อมูลบอกว่าน่าจะมีการทุจริตทั้งหมดอยู่ประมาณ 974 เรื่อง
สำรวจเบื้องต้นเลยยังไม่มีคนออกมาร้องเรียนเต็มที่ เดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คนที่อดอยาก คนที่ตกงาน บริษัทเจ๊ง ธุรกิจที่ไม่เดิน แทนที่จะลืมตาอ้าปากได้แต่ถ้าผีซ้ำกรรมซัด มันมาช่วยกันเป็นปอบมาดูดทรัพยากรก้อนสุดท้าย ที่ไปกู้มาเป็นก้อนสุดท้ายอีกครั้ง เราจะไม่เหลืออะไรมาให้กู้วิกฤตนี้เลยโอกาสที่เราจะฟื้นเศรษฐกิจทำมาหากินได้อย่างปกติก็จะยาวนานออกไปอีก คนจะตกงาน
วันนี้ตกงานแล้ว 3 ล้านกว่าคน โอกาสจะตกงาน 7 ล้าน - 8 ล้านคน คนตกงานขนาดนี้มันจะทำให้วิกฤตสังคมเกิดขึ้น ขโมยโจรจะมากขึ้น ลูกหลานของเราเรียนจบมาก็จะไม่มีงานทำ แต่ถ้าเงินก้อนใหญ่ก้อนนี้ที่เป็นเงินกู้อาจจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายแล้วก็ได้ที่เราจะมาแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ถ้าถูกเอามาใช้ ทุกอย่างจะคลี่คลายได้ เราจะเริ่มใช้ชีวิตอย่างปกติได้ทำมาหากินได้รวดเร็วขึ้น วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนี้เลยปีนี้ที่โดน โควิด เหยียบย่ำซ้ำเติม ประเทศไทยเศรษฐกิจจะถอยมากที่สุดในอาเซียน สูงกว่าใครเลย แพ้เวียดนาม แพ้หลายๆ ประเทศ รอบบ้านเราเขาจะแซงหน้าเราไป เรายอมได้ ??
สว. หลายท่านมีข้อเสนอมาตรการออกมาบอกว่ารัฐบาลจะต้องมีมาตรการการใช้เงินจะต้องมีเว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนเปิดโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูได้เลยว่า เกี่ยวกับการเกษตรพืชอะไรบ้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวจะกระตุ้นอะไรบ้างเกี่ยวกับธุรกิจ SME จะอุดหนุน จะช่วยเหลือยังไงบ้าง ที่สำคัญประชาชนที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะต้องดูได้ด้วยนะว่าที่กาฬสินธุ์ได้มากกว่าที่ร้อยเอ็ด ถ้าชาวบ้านเขาสามารถดูข้อมูลได้ จังหวัดใกล้ๆ กันทำไมถึงเข้าได้มากว่าทำไมฉันได้น้อยกว่า จะต่อไปก็คือว่าถ้าทุกคนสามารถดูได้ทุกคนก็จะรู้ว่าโครงการที่มาลงอยู่หน้าหมู่บ้านเราถนนเส้นนี้ โครงการซ้ำซ้อนกับงบของอบต. หรือเปล่า โครงการนี้เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า ตอนนี้เป็นยุคสมัยใหม่แล้วทุกคนมีมือถือทุกคนมี LINE มี Facebook มี Instagram เพราะฉะนั้นการเปิดเผยข้อมูลต้องทำในลักษณะที่คนเปิดโทรศัพท์ก็ดูได้
แทนที่จะให้ข้าราชการนักการเมืองอนุมัติกันเองต้องให้มีตัวแทนภาคประชาชนที่รู้เรื่องรู้ราว ที่ไว้ใจได้ไปเป็นคนอนุมัติด้วยวันนี้ไม่มี พี่เสนอบอกว่าขอให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นกรรมการอิสระและกรรมการชุดนี้ให้มีตัวแทนภาคประชาชนร่วมอยู่ด้วย เรายังไม่เห็น ตรงนั้นไม่เป็นไรอีกหลายๆ อย่างเราก็ยังไม่เห็น เรายังพอมีเวลา
“วันนี้ต้องเริ่มต้นกันด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่ให้ประชาชนได้รับรู้ถ้าไม่อย่างนั้นยากเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนจะไปตรวจสอบจับผิด