Hot Topic!
ไทยนิยมต้องไม่โกง!
โดย ACT โพสเมื่อ Jun 27,2018
- - ขอบคุณข้อมูลจาก แนวหน้า - -
คอลัมน์ ส่อง...เกษตร : โดยสาโรช บุญแสง
ท่านเลขาฯสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)- วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข แถลงไม่กี่วันก่อนว่า คณะกก.บริหารการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ปัญหาภาคการเกษตร ซึ่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้แต่งตั้ง"คณะทำงานติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน"ในส่วนที่กระทรวงรับผิดชอบ 2 แผนงานสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาคเกษตร รวม 22 โครงการ ซึ่งใช้งบฯทั้งสิ้นสูงถึง 24,993 ล้านบาท โดยคณะทำงานชุดนี้มีนางอัญชนา ตราโช รองเลขาฯสศก. เป็นประธาน
ในการนี้ สศก.ได้จัด 19 ทีมสำหรับปฏิบัติงานลงพื้นที่สำรวจข้อมูล ติดตามประเมินผล กำหนดไว้ 2 ช่วงได้แก่ ช่วงที่ 1 เก็บข้อมูล 10-30 มิ.ย. แล้วจัดทำรายงานเดือนก.ค. 2561 และช่วงที่ 2 เก็บข้อมูล 1-31 ส.ค. แล้วทำรายงานเดือนก.ย.2561 โดยกำหนดประเด็นประเมินผล 7 ด้านได้แก่ 1.การรับรู้รับทราบโครงการ 2.การได้รับสนับสนุน ช่วยเหลือหรือจ้างงานจากโครงการ 3.การได้รับองค์ความรู้จากโครงการไทยนิยม ยั่งยืนของกระทรวงเกษตรฯ 4.การนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติในพื้นที่ของเกษตรกร 5.การได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานโครงการ เช่น ลดต้นทุนการผลิต ปริมาณผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น 6.การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และ 7.ระดับความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ ทั้ง 19 ทีม จะจัดทำแผนปฏิบัติงานลงพื้นที่และประสานหน่วยงานรับผิดชอบ โครงการในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมติดตามประเมินผลและสรุปผลดำเนินงาน พร้อมข้อเสนอแนะต่างๆ เสนอผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ เพื่อปรับปรุง พัฒนางานให้สำเร็จลุล่วง เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรทั่วประเทศต่อไป...
นับเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนทางราชการ เมื่อมีการทำโครงการพิเศษที่ต้องใช้งบประมาณสูงๆ ก็ต้องติดตามประเมินผลที่ได้รับ เพียงแต่กรอบการประเมินทั้ง 7 ด้านนั้น ผมเองเห็นว่า ยังไม่ครบถ้วนเพียงพอ น่าจะมีการเพิ่มเติมเรื่อง"ความโปร่งใส" และไร้คอร์รัปชั่นด้วย
เพราะที่ผ่านมา โครงการพิเศษต่างๆที่กระทรวงเกษตรฯได้รับการจัดสรรงบฯมากมายมหาศาล ด้วยต้องทำงานยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังทุกข์ยากอยู่มากนั้น มักมีข้อครหา"ส่อทุจริต" ติดตามมาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าในยุครัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ในรัฐบาล คสช.ยุคนี้ที่ย้ำกันหนักหนาว่า"ต้องไม่มีการโกงเกิดขึ้น"...แต่โครงการต่างๆก็ยังมีเสียงครหาไม่สร่างซา และเป็นข้อครหาที่มีน้ำหนักไม่น้อย เพียงแค่จับไม่ค่อยได้ ไล่ไม่ค่อยทัน เพราะกระจายงบฯลงพื้นที่กว้างขวางมาก
ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร มาถึงโครงการ ไทยนิยมยั่งยืนในส่วนที่กระทรวงเกษตรฯรับผิดชอบ ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะแค่งบฯเริ่มจะลงพื้นที่ไม่ทันไร เสียงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากล ก็ประดังขึ้นแล้ว เริ่มด้วยงบฯอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรต่างๆ ที่มี วงเงินถึง 1,791 ล้านบาท พบการจัดซื้อ โดยเฉพาะรถโฟล์คลิฟ รถตัก ที่เป็นชนิดเดียวกัน แต่ต่างสหกรณ์กลับจัดซื้อแพงกว่ากันมาก ทำให้ท่านรมว.กฤษฎา บุญราช เต้นผาง สั่งปลัดกระทรวงฯตั้งคณะกก.สอบสวนให้เสร็จภายใน 15 วัน หากพบทุจริต ก็ให้จัดการตามกฎหมายและวินัยอย่างเฉียบขาด
แม้เรื่องนี้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ จะยืนยันผลตรวจสอบแล้วว่า ไม่พบการทุจริตงบฯที่อุดหนุนแก่สหกรณ์ใดเลย พร้อมอธิบายความว่า ที่ราคาจัดซื้อโฟล์คลิฟแตกต่างกัน ถึงเป็นรถขนาด 2 ตันเท่ากัน ก็เนื่องจากคุณสมบัติและสมรรถนะการใช้งานไม่เท่ากัน เช่น สามารถยกได้สูงกว่าและยาวกว่า หรือเครื่องยนต์มีความแรง 2000 ซีซี กับ 3000 ซีซี ซึ่งสหกรณ์เป็นผู้กำหนดคุณลักษณะ เพื่อประกวดราคา ทั้งยังกำชับสหกรณ์จังหวัดแล้วให้ติดตามการใช้งบฯให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทุกขั้นตอนต้องทำรอบคอบและรัดกุม...
ถึงท่านอธิบดีจะอธิบายพอฟังได้เช่นนี้ แต่ก็ดูเหมือนยังลบข้อข้องใจได้ ไม่หมดสิ้นนัก
นอกจากงบฯส่วนนี้แล้ว ผมเชื่อว่ารอดูต่อไป อาจจะมีงบฯโครงการไทยนิยมยั่งยืนส่วนอื่นๆที่จะถูกครหาตามมาอีก ดังนั้นถึงได้เห็นว่า กรอบการติดตามประเมินผลของคณะทำงานฯที่ตั้งขึ้น ควรจะดูเรื่อง"ความโปร่งใส"และไร้ทุจริตหรือไม่? ด้วย
หรือถ้าคิดว่า คณะทำงานชุดนี้ซึ่งล้วนแต่เป็นข้าราชการประจำ คงไม่สามารถทำหน้าที่ดูแลเรื่องจับผิดทุจริตได้ ท่านรมว.กฤษฎาก็น่าจะลองตั้งชุดทำงานพิเศษ ดึง "คนนอก"ที่มีความสามารถด้านนี้มาช่วยลง ไปสุ่มตรวจความโปร่งใสและส่อทุจริตโดยเฉพาะ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างน้อยก็เพื่อป้องปราม จะได้หวังผลให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งบฯเพื่อประโยชน์สุขแก่เกษตรกรได้เต็มที่มากขึ้น
#ร่วมเป็นพลเมืองตื่นรู้สู้โกง
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน